Area of Influence
อะไรคือ "พื้นที่แสดงอำนาจ"มันหมายถึงระยะที่ฮีโร่ของคุณสามารถควบคุม โจมตี และใช้สกิลต่างๆ บน ระยะ เขตแดน หรือพื้นที่นั้นๆ ได้ ซึ่งฮีโร่แต่ละตัวจะมีพื้นที่แสดงอำนาจนี้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของฮีโร่ตัวนั่น เช่น ฮีโร่ที่โจมตีระยะไกล (Range) โดยพื้นฐานจะมีพื้นที่แสดงอำนาจมากกว่าพวก ระยะประชิด (Melee) แต่นอกจากนี้ก็มีองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ทำไมต้องเรียนรู้ "พื้นที่แสดงอำนาจ"
เวลาที่เราเล่น DotA หลายคนอาจจะเคยมีปัญหาประมาณว่า...
- ไม่รู้จะนำหรือจะตามดี
- ไม่รู้จะอยู่ตรงไหนถึงปลอดภัย
- ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะช่วยเพื่อนได้ทัน
ถ้าคุณเคยมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นแล้วละก็ แสดงว่าคุณยังไม่สามารถควบคุมและทำความเข้าใจกับพื้นที่แสดงอำนาจนี้ได้อย่างดีพอ ซึ่งถ้าเราเข้าใจและเรียนรู้ว่า ตำแหน่งไหน ระยะอะไร ที่เราสามารถเข้าหาหรือใช้สกิลต่างๆ ได้ หรือตัดสินใจเวลาเล่นทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลา โดยเฉพาะฮีโร่ที่มีสกิลหยุดทั้งหลาย การจะเล่นพวกมันให้ดี จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องนี้เอาไว้เป็นพื้นฐานเลยด้วย
การใช้พื้นที่แสดงอำนาจ
ยกตัวอย่าง Skeleton King กับ Nevermore
Skeleton King เป็นฮีโร่ที่โจมตีระยะประชิดแต่มีสกิลที่สามารถโจมตีระยะไกลได้ นั้นก็คือ Hellfire Blast ซึ่งทำให้เป้าหมายติด Stun ได้นาน 2 วินาที ดังนั้นพื้นที่แสดงอำนาจไกลสุดของ Skeleton King จึงอยู่ที่ประมาณ 600 Range จากระยะโจมตีของ Hellfire Blast ซึ่งผู้เล่นบางคนเชื่อเอาระยะของสกิลนี้เป็นหลักในการเล่น และใช้มันโจมตีในระยะไกลบ่อยๆ แต่นั้นไม่ใช่พื้นที่แสดงอำนาจที่แท้จริงของ Skeleton King เพราะถึงแม้จะโจมตีในระยะ 600 Range ได้ แต่ความเสียหายที่ Skeleton King ทำได้จริงคือการโจมตีธรรมดาที่ระยะเพียงแค่ 128 Range เท่านั้นเองNevermore เป็นฮีโร่โจมตีระยะไกล 500 Range แต่ตัวมันเองมีสกิลที่สามารถโจมตีได้ไกลมากอย่าง Shadowraze ที่ระยะไกลสุดของมันโจมตีได้ถึง 700 Range จะเห็นพื้นที่แสดงอำนาจของ Nevermore ทั้งเรื่องสกิลและการโจมตีธรรมดาถือว่าใกล้เคียงกันมาก และหมายความว่าในระยะ 500 Range มันสามารถระดมโจมตีศัตรูได้อย่างเต็มที่
จากที่กล่าวมมาจะเห็นว่าถึงแม้ Skeleton King จะโจมตีได้ 600 Range แต่พื้นที่แสดงอำนาจที่แท้จริงของมันเพียงแต่ 128 Range เท่านั้น เมื่อเทียบกับ Nevermore ที่โจมตีได้เต็มที่ในระยะ 500 Range จึงถือว่า Nevermore ได้เปรียบมาก และข้อเสียเปรียบอีกอย่างของ Skeleton King ก็คือหลังจากโจมตีด้วย Hellfire Blast ไปแล้วต้องใช้เวลานิดเพื่อเดินเข้าหาเป้าหมายแล้วโจมตี ดังนั้นถ้าก่อนใช้สกิลผู้เล่นไม่พยายามเข้าประชิดให้ได้มากที่สุดก่อนแล้วรีบ Stun ไป 2 วินาทีของ Hellfire Blast ทำได้แค่ย่นระยะห่างของเป้าหมายเท่านั้น
อีกมุมมองหนึ่งถ้าหาก Skeleton King และ Nevermore อยู่ฝ่ายเดียวกันแล้ว พวกมันจะมีระยะอันตรายที่สามารถโจมตีศัตรูได้ทันที 600 Range เพราะเป็นระยะที่ Hellfire Blast สามารถโจมตีได้ทันที และ Nevermore ขยับตัวนิดเดียวก็เข้าโจมตีเป้าหมายได้เต็มที่แล้ว สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ นี้เป็นพื้นฐานของการคิดคอมโบสกิลครับ คอมโบสกิลที่ดีมันไม่ได้มาจากการระดมยัดๆ สกิลใส่เป้าหมายจนหมด แต่มันคือการเรียนรู้ระยะที่ฮีโร่ทั้งสองสามารถสนับสนุนและเสริมกันได้อย่างเต็มที่แบบนี้มากกว่า และถ้าคุณทำได้ไม่ว่าจะเป็นฮีโร่ตัวไหน คุณก็สามารถเอามันมาคอมโบกันได้ทั้งนั้น และยังนำเทคนิคนี้ไปใช้ในการเล่นจริงได้ยกตัวอย่างเช่น
Nevermore กำลังจะแอบเข้ามาโจมตีฮีโร่ที่อยู่ในเลนเดียวกับคุณ คุณควรจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถสนับสนุน Nevermore คุณได้ทันทีที่เขาแสดงตัวเข้าโจมตี ถ้าคุณเป็น Skeleton King คุณก็แค่พยายามเข้าไปใกล้กับศัตรูในระยะประมาณ 500-600 Range และรักษาระยะนั้นเองไว้ ก็หมายความว่าคุณพร้อมที่จะโจมตีเป้าหมายได้ตลอดเวลา และไม่จำเป็นต้องคอยมองดู Nevermore ด้วยซ้ำว่าจะเข้าโจมตีตอนไหน
ในทางกลับกันถ้าคุณเป็น Nevermore และกำลังรอให้เพื่อนในทีมแอบเข้ามาโจมตีเปิดศัตรู คุณอาจจะทำเหมือนกับที Skeleton King ทำก็ได้ แนะผมแนะนำให้เปลี่ยนจากรักษาระยะและโจมตี มาเป็นเข้าหาให้ได้มากที่สุดก่อนดีกว่า เพราะพื้นที่แสดงอำนาจของ Nevermore ไกลถึง 500 Range สมมุติว่าคุณเข้าไปประชิดเป้าหมายได้ในระยะ 200 Range นั่นหมายความว่าศัตรูต้องใช้อีกครู่หนึ่งเพื่อหลบออกมาอีก 300 Range และในระหว่างนั้นคุณสามารถโจมตีศัตรูได้เต็มที่โดยไม่เสียจังหวะวิ่งตาม
การเพิ่มระยะ "พื้นที่แสดงอำนาจ"
หลายคนเห็นแบบนี้แล้วอาจจะคิดว่าฮีโร่ประชิดยังไงก็เสียเปรียบพวกโจมตีระยะไกล แต่มันก็มีวิธีที่จะทำให้คุณสามารถเพิ่มพื้นที่แสดงอำนาจของตัวเองได้อยู่ นั้นก็คือการเลือกออกไอเทมอย่าง Kelen's Dagger เพื่อเอาสกิล Blink ซึ่งสามารถ Blink ไปได้ไกลถึง 1,200 Range นั้นหมายความว่าคุณสามารถเพิ่มพื้นที่แสดงอำนาจของฮีโร่ขึ้นไปได้อีก 1,200 Range สมมุติว่าถ้า Skeleton King ใช้ ในระยะ 1,200 มันสามารถเข้าประชิดและโจมตีศัตรูได้ทันที โดยไม่ต้องไปกังวลเรื่อง Hellfire Blast แต่ถ้า Nevermore ใช้งานก็หมายความว่ามันจะมีระยะเข้าโจมตีเป้าหมายได้ไกลที่สุดถึง 1,700 Range เลยทีเดียว และนี้คืออีกหนึ่งเหตุผล ว่าทำไมผู้เล่นถึงชอบออก Kelen's Dagger
"พื้นที่แสดงอำนาจ" ในการเล่นแบบทีม
ฮีโร่บางตัวที่มีสกิล Blink หรือเจ้า Faerie Dragon จัดเป็นพวกที่มีพื้นที่แสดงอำนาจไกลมากทำให้ไม่แปลกที่มันจะได้รับความนิยมจากผู้เล่นเสมอ หรืออย่าง Tidehunter ซึ่งมีสกิล Revage ทำให้มันสามารถสร้างพื้นที่แสดงอำนาจให้กับทีมได้ทันที่มากกว่า 1,000 Range เลยกลายเป็นตัวเปิดที่น่าจับตามอง
แต่ในทางกลับถ้าศัตรูเก่งๆ ก็คงเข้าในเรื่องนี้ดี และคงไม่ล้ำเข้ามาในพื้นที่แสดงอำนาจของคุณง่ายๆ ทำให้ฮีโร่ที่มีพื้นที่แสดงอำนาจไม่มากอย่าง Centaur หรือ Skeleton King ต้องพยายามอยู่หน้าของกลุ่มเวลาเล่นทีมเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงตัวศัตรูให้ได้มากขึ้น แต่ถ้าเป็น Faerie Dragon มันแทบจะเลือกอยู่ตรงไหนของทีมก็ได้เลยทีเดียว
ตามหลักจิตวิทยา DotA
ตามหลักจิตวิทยา DotA ความไกลหรือความห่างจากบริเวณที่คิดว่าอันตรายยิ่งมากเท่าไหร่ จะทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ลดความระมัดระวังตัวเวลาเล่นลง ดังนั้นยิ่งมีฮีโร่พื้นที่แสดงอำนาจไกลมาใช้งานก็ยิ่งมีโอกาสเข้าหา ฆ่า หรือเปิดจังหวะให้ทีมได้มากเท่านั้น อย่างเช่นถ้า POTM ยิงลูกศรพันลี้ จึงมักได้รับความนิยมจากผู้เล่นบ่อยๆ เพราะถือเป็นสกิลหยุดที่มีระยะไกลมาก เป็นต้น
ฮีโร่ที่มีพื้นที่แสดงอำนาจเต็มเขต
นอกจากระยะที่มีผลต่อพื้นที่แสดงอำนาจแล้ว เรื่องของความกว้างสกิลก็มีผลต่อพื้นที่แสดงอำนาจเหมือนกัน เพราะสกิลที่โจมตีเป็น AoE ก็ย่อมมีระยะไกลและกว้างมากพอที่คลุมพื้นที่ๆ ต้องการได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น Pit Lord, Queen of Pain, Zeus, Silencer ถ้าไม่มองไปที่เรื่องของความรุนแรง แต่มองไปที่เรื่องการครอบคลุมพื้นที่แล้ว ฮีโร่พวกนี้เป็นมี "พื้นที่แสดงอำนาจเต็มเขต"
สำหรับเรื่องพื้นที่แสดงอำนาจนี้ขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ว่า DotA จะออกมากี่เวอร์ชั่น มันก็สามารถนำมาใช้เล่นได้เสมอ ดังนั้นขอให้มือใหม่ทุกท่านทำความเข้าใจและฝึกควบคุมพื้นที่แสดงอำนาจของคุณให้ดี เพราะมันคือพื้นฐานของการเล่นเป็นทีมอย่างแท้จริง
Credit : vIgOzZ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น